คลอดสักทีดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท แจกใคร ใช้ซื้ออะไรได้-ไม่ได้บ้าง? อัปเดตเงื่อนไขล่าสุด ที่นี่!!

เฝ้ารอกันมาหลายเดือนกับความชัดเจนของมาตรการดิจิทัลวอลเล็ต ที่เตรียมจะแจก 10,000 บาท ให้กับคนไทย ตามที่รัฐบาลนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน มุ่งเน้นและยืนยันว่าจะต้องคลอดนโยบายนี้ออกมาให้ได้ เพราะมั่นใจว่าจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ให้กับประเทศไทย โดยเฉพาะในระดับท้องถิ่น ที่จะปลุกเศรษฐกิจให้เติบโต กระตุ้นใช้จ่ายในชุมชนบ้านเกิดของพี่น้องคนไทย

ในช่วงแรกๆ ข้อมูลออกมากระปริบกระปรอย ค่อยแย้มออกมาทีละนิดๆ ซึ่งได้สร้างความสับสน มึนงงกันอยู่หลายตลบ จนนายกฯ ต้องออกมาเบรกว่าขอให้รอความชัดเจนทีเดียว เอาให้ชัวร์กันไปเลยดีกว่า

และล่าสุด เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (10 พ.ย. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็ได้ออกมาชี้แจงแถลงผลสรุปเงื่อนไขมาตรการดิจิทัลวอลเล็ตอย่างชัดเจนแล้ว

ซึ่งเงื่อนไขหลักใหญ่ยังคงมุ่งไปที่ประชาชนอายุ 16 ปีขึ้นไป และได้มีการจำกัดวงของกลุ่มรายได้ที่จะได้รับสิทธิชัดเจนแจ่มแจ้งมากขึ้น รวมทั้งมีมาตรการสำรองเพื่อเป็นเหมือนรางวัลปลอบใจให้กับกลุ่มที่ไม่เข้าเงื่อนไข แต่มีมาตรการลดหย่อนภาษีเข้ามาเสริมเพิ่มเติม อีกทั้งได้ปรับเงื่อนไขขยายรัศมีพื้นที่ในการใช้สิทธิกว้างขึ้นกว่าเดิม การใช้แอปพลิเคชันเป๋าตัง ตามคำแนะนำของหลายฝ่ายที่มองว่าเป็นการประหยัดงบประมาณมากกว่าเริ่มพัฒนาระบบใหม่

โดยรายละเอียดของเงื่อนไข แบ่งได้ดังนี้

ใครบ้างที่ได้สิทธิรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท
1. เป็นประชาชนผู้ที่อายุ 16 ปีขึ้นไป
2. มีรายได้ไม่ถึง 70,000 บาท ต่อเดือน
3. มีเงินฝากต่ำกว่า 500,000 บาท โดยคิดเป็นจำนวนประชากรผู้ได้รับจำนวน 50,000,000 คน

หมายเหตุตัวใหญ่ๆ *** ว่าให้สิทธิครั้งแรกหรือเริ่มนำเงินออกมาจ่ายซื้อสินค้าต้องภายใน 6 เดือน หลังจากโครงการเริ่ม ขยายพื้นที่ครอบคลุมระดับอำเภอ

เริ่มใช้ได้เมื่อไร ?
– สามารถเริ่มใช้เงินดิจิทัล 10,000 บาทได้ในเดือนพฤษภาคม 2567

ใช้เงินดิจิทัลผ่านทางไหน?
– ใช้ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ของกรุงไทย โดยจะพัฒนาระบบ ต่อยอดเพื่อรองรับการใช้เงินดิจิทัล

แล้วใช้ซื้ออะไรได้บ้าง?
– ใช้สำหรับซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคเท่านั้น

อะไรที่ไม่สามารถซื้อได้บ้าง
1. ไม่สามารถใช้ซื้อสินค้าออนไลน์ได้
2. ไม่สามารถซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์ยาสูบ กัญชา กระท่อม พืชกระท่อม และผลิตภัณฑ์จากกัญชาและพืชกระท่อม
3. ไม่สามารถซื้อบัตรกำนัลบัตรเงินสด เพชร พลอย ทองคำ อัญมณี
4. ไม่สามารถนำไปชำระหนี้ได้ ไม่สามารถจ่ายค่าเรียน ค่าเทอมได้
5. ไม่สามารถนำไปจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ หรือซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติได้
6. แลกเป็นเงินสดไม่ได้
7. แลกเปลี่ยนในตลาดต่างๆ ไม่ได้
8. สำหรับร้านค้าไม่จำเป็นต้องจด VAT แต่ต้องมีการลงทะเบียนรับสิทธิ และร้านค้าที่จะขึ้นเงินได้ต้องอยู่ในระบบภาษีเท่านั้น

ทั้งนี้การใช้เงินดิจิทัลสามารถใช้ได้กับร้านค้าที่อยู่ในอำเภอเดียวกับบัตรประชาชนเท่านั้น โดยสามารถใช้ซื้อสินค้าได้ทุกร้านค้า

โดยสรุปเงื่อนไขหลักๆ ได้แก่
* รัฐบาลจะเติมเงิน 10,000 บาท ในกระเป๋าดิจิทัลให้กับประชาชนที่ได้รับสิทธิทุกคน
* ประชาชนจะต้องใช้จ่ายภายในอำเภอ ที่อยู่ตามบัตรประชาชน
* เงินต้องใช้ครั้งแรกภายในใน 6 เดือน
* โครงการสิ้นสุดเดือนเมษายน 2570
* หากเงินดิจิทัลยังเหลือจะไม่สามารถโอนให้ผู้อื่น หรือแลกเป็นเงินสดได้
* สุดท้ายคือ ต้องลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิร่วมโครงการ

นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้จัดทำโครงการ E-refund สำหรับผู้ที่ไม่ได้รับสิทธิเงินดิจิทัลวอเล็ต 10,000 บาทด้วย โดยมีเงื่อนไขคือ สามารถนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากการซื้อสินค้าและบริการมูลค่า 50,000 บาท โดยใช้ใบกำกับภาษีมาประกอบการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

“เงื่อนไขนี้เป็นไปตามคำแนะนำของธนาคารแห่งประเทศไทยและสภาพัฒน์ เนื่องจากข้อมูลของหลายโครงการในอดีตแสดงให้เห็นว่าคนกลุ่มรายได้ดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากกว่าอีกกลุ่มอย่างมีนัยยะสำคัญ และย้ำว่าโครงการจะไม่ทำให้เกิดเงินเฟ้อตามที่หลายฝ่ายกังวล เพราะสถานการณ์เงินเฟ้อในปัจจุบันของไทยอยู่ในสภาวะที่ต่ำอยู่แล้ว” นายกฯ เศรษฐา กล่าว

ส่วนที่มาของงบประมาณโครงการ ท่านนายกฯ เศรษฐาบอกว่าจะมาจากการออก พ.ร.บ.กู้เงิน ภายใต้การตรวจสอบถ่วงดุลในระบบรัฐสภา ซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับการอนุมัติโดยรัฐสภา และเป็นไปตามมาตรา 53 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 พ.ร.บ.การกู้เงินดังกล่าวจะระบุวัตถุประสงค์ของการกู้เงิน ระยะเวลาในการกู้เงิน แผนงานหรือโครงการที่ใช้จ่ายเงินกู้ วงเงินที่อนุญาตให้ใช้จ่ายเงินกู้ และหน่วยงานของรัฐ ซึ่งโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะต้องชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย และรัฐบาลจะทำการกู้เงิน ก็ต่อเมื่อมีการนำเงินไปใช้และนำมาขึ้นเป็นเงินสด ซึ่งจะเป็นการทำให้เงินในระบบทั้งหมดใหญ่ขึ้น โดยรัฐบาลจะทำการกู้เงินภายได้ พ.ร.บ.กู้เงิน จำนวน 6 แสนล้าน โดยกว่า 500,000 ล้าน ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต จะหมุนเวียนและกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมีนัย ผสมกับงบประมาณ 100,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการดำเนินงานกองทุนเพิ่มขีดความสามารถ

“ทุกท่านไม่ต้องห่วงเรื่องของการใช้เงินคืน รัฐบาลจะมีแผนจัดสรรเงินงบประมาณมาเพื่อจ่ายคืนเงินส่วนที่เป็นเงินกู้ตลอดระยะเวลา 4 ปี นี่ไม่ใช่สงเคราะห์ ประชาชนผู้ยากไร้ แต่เป็นการเติมเงินลงไปในระบบเศรษฐกิจแทนสิทธิการใช้จ่าย เพื่อให้ประชาชนมีบทบาทร่วมกับรัฐบาลในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ ในขณะที่ยังรักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐทุกประการ” นายกฯ เศรษฐากล่าว

ส่วนไทม์ไลน์ของการดำเนินโครงการจะมีกรอบระยะเวลาดังนี้
– ตีความโดยกฤษฎีกาและดำเนินกระบวนการสภา – ต้นเดือนพฤศจิกายน2566
– โครงการ: e-Refund – มกราคม 2567
– โครงการ: ดิจิทัลวอลเล็ต – พฤษภาคม 2567
– โครงการ: เสริมสร้างขีดความสามารถ – มิถุนายน 2567

ได้คลายข้อสงสัยกันไปแล้ว กับข้อสรุปของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทที่รอคอย หลังจากนี้ก็รอแค่กระบวนการต่างๆ ที่รัฐบาลจะเดินหน้าตามขั้นตอน เพราะก็ต้องใช้เวลาอยู่มากพอสมควร ใครที่เข้าเงื่อนไขข้อแรก เรื่องเกณฑ์อายุ และรายได้ที่ไม่เกิน 70,000 บาทแล้ว ต้องกลับไปเช็กเงินฝากในบัญชีก่อนแล้วว่าจะเข้าเงื่อนไขด้วยหรือเปล่า เพราะท่านายกฯ ย้ำว่า “คนที่มีรายได้มากกว่า 70,000 บาท แต่มีเงินฝากน้อยกว่า 500,000 บาท ก็จะไม่ได้รับสิทธิ หรือรายได้น้อยกว่า 70,000 บาท แต่เงินฝากมากกว่า 500,000 บาท ก็จะไม่ได้รับสิทธิ” เอาเป็นว่าค่อยไปลุ้นอีกทีพฤษภาคมปีหน้าแล้วกัน…