คลังเตรียมปรับแผนก่อหนี้สาธารณะปี 63 ใหม่ คาดจะอยู่ที่ 51.84% ต่อจีดีพี

688
0
Share:

คลังเตรียมปรับแผนก่อหนี้สาธารณะปี 63 ใหม่ หลังมีวงเงินกู้ตามพ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาทเพิ่มเข้ามา ทำให้ปีนี้หนี้สาธารณะจะอยู่ที่ 51.84% ต่อจีดีพี ส่วนปีหน้าเพิ่มเป็น 57.96% ต่อจดีพี แต่ยังคงกรอบการก่อหนี้ที่ 60% พร้อมเน้นการกู้ในประเทศ 80%
.
นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ ที่ประชุมได้เห็นชอบแผนปรับปรุงการก่อหนี้สาธารณะปี 2563 เพิ่มเติมวงเงิน 1.49 ล้านล้านบาท และจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัปดาห์หน้า
.
สำหรับวงเงิน 1.49 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น การบริหารหนี้สาธารณะเดิม 8.9 แสนล้านบาท และวงเงินกู้ใหม่ตามพ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ซึ่งจะกู้ในล็อตแรกประมาณ 6.03 แสนล้านบาท วงเงินดังกล่าว จะส่งผลให้เพดานหนี้สาธารณะสิ้นปี 2563 อยู่ที่ 51.84% และ ณ สิ้นปี 2564 จะอยู่ที่ 57.96% บนสมมุติฐานอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในปีหน้าที่ระดับ 3% โดยยังคงกรอบการก่อหนี้สาธารณะที่ 60% ต่อจีดีพี แต่พร้อมจะทบทวนกรอบใหม่หากสถานการณ์เปลี่ยนแปลง

.
โดยในปีงบประมาณ 2563 คาดว่ารัฐจะกู้เงินก่อน 6 แสนล้านบาท เพื่อเตรียมไว้ใช้จ่ายเยียวยาเงิน 5,000 บาท การช่วยเหลือเกษตร รวมถึงดูแลระบบสาธารณะสุข ตั้งแต่เดือนพ.ค.-ก.ย.63 ส่วนวงเงินกู้อีก 4 แสนล้านบาทจะเริ่มกู้ในปีงบ 2564
.
ทั้งนี้แผนกู้เงินก้อนแรกจะกู้กับสถาบันการเงินในประเทศ รูปแบบตั๋วสัญญาใช้เงิน 7 หมื่นล้านบาท เริ่มกู้วันที่ 29 เม.ย.2563 เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินอายุ 4 ปี โดยใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้นสำหรับการกู้ยืมเงินระหว่างธนาคารของตลาดกรุงเทพฯ หรือ BIBOR (Bangkok Interbank Offered Rate) ปัจจุบันอยู่ที่ 0.97 % บวก 5 ทศนิยม
.
สำหรับการกู้เงินตามพ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ให้อำนาจกู้เงินทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่สบน.คงดูในประเทศเป็นหลัก แต่ต้องวิเคราะห์ความคุ้มค่าคุ้มทุน วิเคราะห์สภาพคล่องในประเทศเพื่อให้มั่นใจว่าการออกพ.ร.ก.ไม่ไปช็อกตลาด จนทำให้สภาพคล่องในประเทศมีปัญหา เพราะธนาคารเองก็เตรียมความพร้อมในการดูแลลูกค้า
.
อย่างไรก็ตาม การกู้ในระยะต่อไปนั้นจะเน้นการกู้ในประเทศไม่ต่ำกว่า 80% ส่วนต่างประเทศสัดส่วน 20% ต้องดูว่าที่ไหนเหมาะสม และจะดำเนินการอย่างไร ต้องดูเผื่อไว้ มีองค์การระหว่างประเทศมาคุยด้วยหลายแห่ง ทั้งเวิลด์แบงก์ เอดีบี แต่ทั้งหมดต้องหารือกันก่อน
.
สำหรับการกู้เงิน เครื่องมือการกู้ จะมีทั้งระยะสั้นและยาว ระยะยาวคือพันธบัตรรุ่นต่างๆ ระยะสั้นมีทั้งเครื่องมือการกู้จากธนาคาร การกู้ระยะยาว (เทอมโลน) ตั๋วสัญญาใช้เงิน (พีเอ็น) และตั๋วเงินคลัง (ทีบิว)
.
รวมทั้งการออกพันธบัตรออมทรัพย์ ขายให้รายย่อยประมาณ 1 แสนล้านบาท ซึ่งใช้เวลา 1-2 เดือนก่อนเปิดขาย กำลังดูเครื่องมือว่าจะออกแบบไหนอย่างไร เพราะเป็นจำนวนที่ใหญ่กว่าปกติในช่วงครึ่งปีหลังที่ออกประมาณ 2-2.5 หมื่นล้านบาท