ตลาดหุ้นสหรัฐปิดส่งท้ายเขียวพรึบ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์-เอสแอนด์พี 500 ปิดทำนิวไฮอีก

51
0
Share:
ตลาด หุ้นสหรัฐปิดส่งท้ายเขียวพรึบ ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ -เอสแอนด์พี 500 ปิดทำนิวไฮอีก

ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2024 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 38,654 จุด +134 จุด หรือ +0.35% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,958 จุด +52 จุด หรือ +1.07% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 15,628 จุด +267 จุด หรือ +1.74% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ และดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่

ขณะที่ ดัชนีหุ้นนาสแดคยังห่างจากสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ที่ระดับ 16,057 จุด เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2022 และสูงสุดระหว่างวันเป็นประวัติศาสตร์ที่ระดับ 16,121 จุด

ในสัปดาห์นี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดขึ้น +1.4%, +1.4% และ +1.1% ตามลำดับ นอกจากนี้ ยังเป็นดัชนีหุ้นรายสัปดาห์ที่ปิดเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อดันด้วย เฉพาะในเดือนมกราคมผ่านไป พบว่า ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +0.88%, +1.69% และ +1.87%

สาเหตุจากผลประกอบการของหุ้นเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ทั้ง 7 บริษัทได้ทยอยประกาศออกมาสร้างความถูกใจให้นักลงทุน เช่น หุ้นเมตาเพิ่มขึ้นกว่า 12% หุ้นแอปเปิลปรับสูงขึ้น หลังจากเมื่อวานนี้ นักลงทุนผิดหวังอย่างรุนแรงกับการแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาในคืนผ่านมา ว่า ส่วนตัวไม่คิดว่า คณะกรรมการจะดูเหมือนมีความมั่นใจที่จะลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในรอบการประชุมครั้งต่อไปในเดือนมีนาคมนี้ การลดดอกเบี้ยในเดือนมีนาคมไม่ใช่กรณีพื้นฐานแต่อย่างใดสำหรับกรรมการของเฟด ที่สำคัญ เฟดยังไม่สามารถชนะภาวะเงินเฟ้อ เฟดคิดว่ายังคงมีห้วงเวลาต้องรออีกต่อไป

ตัวเลขจ้างงานชาวอเมริกันนอกภาคเกษตรเดือนมกราคมพุ่งกระฉูดถึง 353,000 คน มากกว่าเป้าหมายที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 185,000 คน ขณะที่ อัตราการว่างงานกลับอยู่ที่ระดับ 3.7% ซึ่งลดต่ำลงกว่าที่คาดไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 3.8%

เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาในไตรมาสที่ 4 ปี 2023 ขยายตัวสูงถึง 3.3% ซึ่งมากกว่าที่คาดไว้ว่าจะขยายตัวที่ 2% ทำให้ตลอดทั้งปีผ่านไป เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเติบโตที่ 2.5% นอกจากนี้ แรงส่งทางจิตวิทยาในการภาวะตลาดหุ้นกระทิงของดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ผ่านมา ยังคงมีผลให้นักลงทุนมั่นใจในภาวะการลงทุนหุ้นสหรัฐอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนึ้ ด้านตัวชี้วัดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.25% ของเฟดในการประชุมเดือนพฤษภาคม ปี 2024 อยู่ที่ 78% ลดลงจากเดิมที่ระดับ 92%