พนักงานทวิตเตอร์ส่อถูกปลดกว่า 5,500 คน หรือ 75% ตามแผนลดต้นทุนของอีลอน มัสก์

นายอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีอันดับ 1 ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เทสลา อินคอร์ปอเรชั่น ซึ่งเสนอซื้อกิจการทวิตเตอร์สื่อโซเชียลดังระดับโลกด้วยมูลค่า 44,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.67 ล้านล้านบาท เสนอแผนตัดลดค่าใช้จ่ายทวิตเตอร์ด้วยการปลดพนักงานมากเกือบ 75% ของทั้งหมดในปัจจุบัน นั่นหมายถึงพนักงานของทวิตเตอร์จะตกงานมากกว่า 5,500 คน ลงมาเหลือเพียงกว่า 2,000 คนจากในปัจจุบันที่มีกว่า 7,500 คน

ข้อเสนอการปลดพนักงานมากเกือบ 75% ของทวิตเตอร์ เป็นหนึ่งในแผนที่นายอีลอน มัสก์ เสนอต่อธนาคาร และนักลงทุนที่ต้องการปล่อยเงินทุนซื้อกิจการทวิตเตอร์ให้กับมหาเศรษฐีนายอีลอน มัสก์

ข้อเสนอซื้อกิจการทวิตเตอร์ของนายอีลอน มัสก์ ยังคงอยู่ในขั้นตอนจนกระทั่งถึงวันที่ 28 ตุลาคมนี้ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายตามที่ศาลในสหรัฐอเมริกามีคำสั่งให้ต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในวันดังกล่าว

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทวิตเตอร์ อินคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่าเตรียมปลดพนักงานราว 30% หรือมีจำนวนเกือบ 100 คนจากพนักงานที่มีอยู่ในปัจจุบัน สาเหตุจากต้องตัดลดค่าใช้จ่ายท่ามกลางภาวะรายได้ที่ตกต่ำจากผลกระทบของเงินเฟ้อที่พุ่งสูงในสหรัฐอเมริกาในรอบ 41 ปี นอกจากนี้ ยังเป็นการปรับโครงสร้างองค์กรซึ่งยังรอความชัดเจนของนายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเทสลา ที่ต้องการซื้อกิจการทวิตเตอร์ทั้งหมด

นายปาราก อะกราวัล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ ทวิตเตอร์ อินคอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า บริษัทได้ยกเลิกการจ้างพนักงานรายใหม่ เพื่อเป็นไปตามนโยบายการลดค่าใช้จ่าย

ทั้งนี้ นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเทสลา เสนอซื้อกิจการทวิตเตอร์ด้วยมูลค่าสูงถึง 44,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.67 ล้านล้านบาท แต่ยังคงไม่มีความคืบหน้าในการธุรกรรมรวบรวมกิจการดังกล่าว ซีอีโอเทสลาเสนอให้ทวิตเตอร์จัดการกับบัญชีทวิตเตอร์ปลอม หรือที่ไม่มีตัวตนแท้จริง ก่อนที่จะนำไปสู่การตกลงซื้อกิจการทั้งหมด ทวิตเตอร์เปิดเผยต่อมาว่า ได้ทำการลบบัญชีทวิตเตอร์ปลอม หรือที่ไม่ได้ใช้งานเนื่องจากไม่มีเจ้าของแท้จริง หรือเป็นบัญชีที่มีการส่งข้อความปลอมออกมากถึง 1 ล้านบัญชี