ยังไม่ขาด! หมอธีระชี้ไทยยังตัดวงจรระบาดไม่ได้ ไทยติดเชื้อรายสัปดาห์สูงอันดับที่ 10
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความในเฟสบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับการใช้นโยบายจัดการโรคระบาดต้องมีจริยธรรม และต้องสื่อสารข้อมูลตรงไปตรงมา มีข้อความว่า
…ภาพรวมสัปดาห์ที่ผ่านมาจาก Worldometer ทั่วโลกมีจำนวนการติดเชื้อเพิ่มลดลง 12% แต่จำนวนเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 6%
ทั้งนี้การติดเชื้อเพิ่มนั้น แทบทุกทวีปมีแนวโน้มลดลง ยกเว้นแถบแอฟริกาและโอเชียเนียที่เพิ่มขึ้นถึง 40% และ 15% ตามลำดับ
ในทวีปเอเชีย ไทยมียอดติดเชื้อเพิ่มรายสัปดาห์เป็นอันดับที่ 10 มากกว่าเกาหลีใต้ 6 เท่า, มากกว่าบังคลาเทศและยูเออีราว 2 เท่า, และมากกว่าญี่ปุ่น 1.27 เท่า
.
…สถานการณ์ในไทยเราตอนนี้ยังระบาดกระจายอยู่ทั่วไป ยังไม่สามารถตัดวงจรการระบาดได้
วันนี้มีการเปิดกิจการต่างๆ เช่น นวด สัก เสริมความงาม สวนสาธารณะ พิพิธภัณฑ์ ขอให้ทั้งเจ้าของกิจการ ผู้ให้บริการ รวมถึงประชาชนที่ไปใช้บริการ ป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเคยได้รับวัคซีนไปแล้วหรือไม่ก็ตาม
ใส่หน้ากาก ล้างมือ รักษาระยะห่างระหว่างกัน หากต้องสัมผัสเนื้อตัวใกล้ชิด ก็ขอให้ใช้เวลาสั้นๆ
นอกจากนี้ก็ควรสังเกตอาการตนเอง หากไม่สบาย ไม่ควรให้บริการหรือไปรับบริการ และควรไปตรวจรักษา
…สำหรับนโยบายระดับประเทศนั้น การจัดบริการใดๆ ให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิต สุขภาพ และการสาธารณสุข จำเป็นจะต้องคำนึงถึงหลักจริยธรรมในการดำเนินการด้านสาธารณสุข
.
หนึ่ง สิ่งที่จะจัดหาให้นั้นจำเป็นต้องมีประสิทธิภาพที่ดี มีหลักฐานวิชาการที่พิสูจน์ชัดเจน ตรวจสอบได้
สอง สิ่งที่จะจัดหาให้นั้นควรมีความคุ้มค่า โดยเปรียบเทียบราคาและประสิทธิภาพ
สาม ต้องทราบรายละเอียดครบถ้วนว่ากลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับสิ่งที่จะจัดหาให้นั้นมีมากน้อยเพียงใด อยู่ที่ใดบ้าง เพื่อที่จะจัดสรรทรัพยากรให้ได้อย่างถูกต้องกับกลุ่มเป้าหมาย และเพียงพอแก่ความต้องการ
และสี่ ต้องวางแผนจัดให้ด้วยความเป็นธรรมแก่ทุกคน
.
ทั้งนี้ความเป็นธรรมจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อครบองค์ประกอบสามประการ ได้แก่ 1. สิ่งที่จะจัดหาให้นั้นต้องมีอย่างเพียงพอ (หากสิ่งที่จะจัดให้นั้นเป็นระบบบริการ ก็ต้องหมายรวมถึงคน งบ ของ และวิธีการ ต้องมีความพร้อม) 2. ต้องมีช่องทางการเข้าถึงได้อย่างถ้วนทั่ว และ 3. ต้องเป็นสิ่งที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ตอบสนองต่อปัญหาที่มี
หลักการข้างต้น หากลองประยุกต์ใช้มาพิจารณาปัญหาที่เราประสบพบเจอในปัจจุบัน รวมถึงเรื่องวัคซีน ก็จะเข้าใจได้ชัดเจนว่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นน่าจะเกิดจากเหตุใด
เมื่อใดที่จัดบริการแก่สาธารณะแล้วยังไม่บรรลุหลักการทุกข้อข้างต้น โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็จะน้อย และเกิดปัญหาต่างๆ มากมายตามมา
วิเคราะห์ปัญหาให้เห็นต้นตอ และยอมรับ วางแผนจัดการแก้ไข และสื่อสารสาธารณะอย่างตรงไปตรงมา จึงจะมีโอกาสทำให้ปัญหาต่างๆ ลุล่วงไปได้
