หั่นสับเฉือน! ชี้ติดโควิด-19 เหลือวันละ 1,000 คนต้องรอพฤศจิกายน ธนาคารกรุงศรีลดเป้าเศรษฐกิจไทยปี 64 ลงอีกเหลือ 1.2%

343
0
Share:

ศูนย์วิจัยกรุงศรี ธนาคารกรุงศรี เปิดเผยว่า ได้ปรับลดประมาณการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย ปี 2564 ลงเหลือ 1.2% สาเหตุสำคัญมาจากอัตราการติดโรคระบาดโควิด-19 รอบที่ 3 ในไทย จะพุ่งทะยานถึงจุดสูงสุดในช่วงเดือนสิงหาคม โดยพบว่าในกรณีเลวร้ายที่สุด จะมียอดผู้ติดเชื้อรายวันอาจทะลุ 20,000 รายต่อวัน หลังจากนั้น จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันจะลดต่ำกว่า 1,000  รายต่อวันซึ่งน่าจะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้

แบบจำลองการระบาดในประเทศไทย พบว่าแนวโน้มของยอดผู้ติดโรคระบาดโควิด-19 จะมีอัตราการติดเชื้อสูงสุดในเดือนสิงหาคมนี้ ประกอบด้วย กรณีปกติ หรือพื้นฐานยอดผู้ติดเชื้อจะอยู่ราว 15,000 รายต่อวัน จากการคาดการณ์สถานการณ์ที่แย่ที่สุดในรอบที่ 2 ก่อนหน้านี้ ได้กลายมาเป็นสถานการณ์พื้นฐานในรอบที่ 3 หรือปัจจุบัน สาเหตุจากมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเกือบ 10,000 รายต่อวันตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม
ที่สำคัญ คือไวรัสสายพันธุ์เดลตากำลังระบาดหนักและแพร่กระจายไปยังหลายจังหวัด การคาดการณ์ล่าสุดจึงระบุว่า ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในไทยส่วนใหญ่จะเป็นผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา และเบตา

ขณะที่จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ในไทยมักเป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ร้ายแรง อีกทั้งไทยยังมีเรื่องที่น่ากังวลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนและการเข้าถึงวัคซีนที่ล่าช้า แสดงให้เห็นว่ามาตรการล็อกดาวน์อาจยืดระยะเวลาไปจนถึงเดือนตุลาคม ดังนั้นประสิทธิภาพของวัคซีนจึงยังคงเป็นกุญแจสำคัญในการที่จะลดจำนวนผู้ติดเชื้อในแต่ละวันได้

สำหรับการระบาดในรอบที่ 3 ซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ถือเป็นระลอกที่รุนแรงที่สุดของไทย ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่พุ่งสูงถึง 10,000 รายต่อวัน สิ่งนี้กระตุ้นให้รัฐบาลกำหนดมาตรการกักกันที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น โดยกำหนดให้มีการล็อกดาวน์ (บางส่วน) เป็นเวลา 14 วันในเดือนกรกฎาคม

นอกจากนี้ คาดว่าการล็อกดาวน์ในเดือนกรกฎาคมนี้จะมีผล 70% เท่ากับการล็อกดาวน์ในเดือนเมษายนปี 2563 โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่จะเพิ่มขึ้นเป็น 15,000 คน/วัน ภายในต้นเดือนสิงหาคม

ในแง่การฉีดวัคซีนในประเทศไทยนั้น ศูนย์วิจัยกรุงศรี คาดว่าประเทศไทยจะจัดสรรวัคซีนจำนวน 250,000 โดสต่อวันให้กับประชาชน โดยจะฉีดวัคซีนทั้งหมดให้ครบ 55 ล้านโดสภายในสิ้นปี ซึ่งอาจช่วยลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในแต่ละวันได้ โดยเฉพาะตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไป

ศูนย์วิจัยกรุงศรี กล่าวต่อไปว่า เศรษฐกิจไทยอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิคในไตรมาสที่ 3 จากการแพร่ระบาดที่เลวร้ายลงเรื่อย ๆ นับตั้งแต่ช่วงวันหยุดสงกรานต์ที่ผ่านมา
ในภาคการท่องเที่ยวของไทย พบว่าจากปัจจัยการแพร่ระบาดที่รุนแรงและยาวนานเกิดคาดในไทย รวมถึงสายพันธุ์เดลตาที่กำลังแพร่ระบาดในหลาย ๆ ประเทศ ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2564 จะลดลงเหลือ 210,000 คน จากเดิมที่ตั้งไว้ 330,000 คน ที่สำคัญลดการเติบโตของการบริโภคภาคเอกชนลงเป็น +1.1% จากเดิม +1.8% อย่างไรก็ตาม ภาคการส่งออกของไทยยังเป็นช่องทางเดียวที่ฟื้นตัวได้ จึงได้มีการปรับเพิ่มการคาดการณ์การเติบโตของการส่งออกในปีนี้เป็น 15% จากเดิมที่ประเมินไว้ 9.5%

ทั้งนี้ ธปท. ยังมีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อบรรเทาสถานการณ์อันเลวร้ายด้วยการกระตุ้นที่ตรงเป้าหมายมากขึ้น โดย ธปท. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับต่ำสุดในประวัติการณ์ทั้งในปีนี้และปีหน้า เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยมีความเปราะบาง และอาจต้องใช้เวลานานกว่าจะสามารถฟื้นตัวได้ในวงกว้าง