“อนุทิน”ยันทำไฮสปีด 3 สนามบินเพื่อประเทศ ไม่เอาผลประโยชน์เข้าตัว

635
0
Share:

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภาว่า ในวันนี้กระทรวงคมนาคมได้เสนอชื่อคณะกรรมการ การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ บอร์ด รฟท. ชุดใหม่ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. พิจารณาเห็นชอบ หลังจากที่ชุดเก่าลาออกทั้งหมด
โดยภายหลังที่ประชุมอนุมัติแล้วก็สามารถเดินหน้าโครงการดังกล่าวได้เลย ไม่มีปัญหาอะไร เพราะรัฐบาลมีความพร้อมอยู่แล้ว และมั่นใจว่าเงื่อนไขต่างๆที่กำหนดไว้ในสัญญา สอดคล้องกับทีโออาร์ ซึ่งมีความยุติธรรม
อย่างไรก็ตามบอร์ดรฟท.ชุดที่แล้ว ทั้งที่รู้ว่าต้องมีการเซ็นสัญญาก็ลาออก ไม่รู้ด้วยเหตุผลอะไร จึงทำให้มีผลกระทบ ซึ่งการมาเป็นบอร์ดต้องดูที่ประโยชน์ของบ้านเมือง ต้องรับผิดชอบหน้าที่ ไม่ใช่นึกอยากมาเป็นก็มา เรื่องนี้แทนที่จะได้เซ็นสัญญากลับต้องเลื่อนออกไป เพราะบอร์ดพร้อมใจกันลาออก ทั้งที่ไม่ได้มีความกดดันอะไรจากใครเลย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมก็คัดค้าน เพราะอยากให้มีการเซ็นสัญญา
ส่วนในวันที่ 25 ต.ค.นี้การลงนามจะเป็นไปตามกำหนดการณ์หรือไม่นั้น ขณะนี้รัฐบาลได้ทำตามกำหนดและเงื่อนเวลาที่กำหนดเอาไว้ทุกอย่าง ไม่มีอะไรที่จะต้องพูดคุยกับใคร ตราบใดที่ยังไม่ถึงวันที่ 7 พ.ย.ซึ่งเป็นวันครบกำหนด รัฐบาลก็สามารถเชิญมาให้ลงนามในวันไหนก็ได้ แต่มั่นใจว่าการลงนามจะมีขึ้นในวันที่ 25 ต.ค.นี้ ไม่มีการเลื่อน เพราะก่อนหน้านี้ได้เชิญนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์มาพูดคุย เพื่อให้มั่นใจว่า รัฐบาลจะให้ความร่วมมือทุกอย่าง และการส่งมอบพื้นที่ไม่ว่าสัญญาไหนก็ตามในไทย ถ้าส่งมอบล่าช้า ก็ต่อเวลาให้ ไม่มีที่ไหนที่ส่งมอบพื้นที่ได้ 100 % และพร้อมส่งมอบพื้นที่ได้ 70 %อยู่แล้ว ดังนั้นการก่อสร้างก็น่าจะเริ่มวางแผนการก่อสร้างได้
ขณะที่ความเสี่ยงของโครงการเรื่องการเงิน กำไร จำนวนผู้โดยสาร ค่าเงิน หรือต้นทุนต่างๆเป็นเรื่องของเอกชนที่จะรับผิดชอบเอง เพราะไม่ได้บังคับให้ใครเข้ามาประมูล และการเปิดขายซองประมูล ซึ่งก็มีเงื่อนไขข้อปฏิบัติทุกอย่างที่กำหนดเอาไว้ โดยบริษัทเองก็รับรู้ ดังนั้นเมื่อยื่นซองประมูลไปแล้ว มีการประกาศบริษัทที่ชนะแล้ว ทางบริษัทผู้ชนะก็ต้องทำตามเงื่อนไขและกฎหมายที่กำหนดไว้ แต่ที่ผ่านมาประเทศไทยส่วนใหญ่มักจะออกกฎหมายแทนที่จะทำตามกฎหมาย ปัญหาถึงได้เกิดแบบนี้
ส่วนการปล่อยข่าวว่าบริษัทที่ชนะการประมูลอันดับ 2 อยากทำโครงการนี้ ตนเห็นว่าเป็นเรื่องดี และยืนยันทุกคนที่รู้จักตนจะรู้ดีว่าตนไม่เคยทำอะไรที่มีผลประโยชน์เข้าตัวเอง และตนออกจากบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ได้อันดับ 2 ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวตั้งแต่ปี 2547 ผ่านมา 15 ปีแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีความกังวลเรื่องนี้ ซึ่งไม่เป็นปัญหาอะไร ทุกอย่างโปร่งใส