EIC คาดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องสู่ 1.25% ในปีนี้ และ 2% ในปีหน้า

322
0
Share:
EIC คาดอัตรา ดอกเบี้ย นโยบายของไทยจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องสู่ 1.25% ในปีนี้ และ 2% ในปีหน้า

EIC ธนาคารไทยพาณิชย์ คาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะอยู่ที่ 1.25% ณ สิ้นปี 2022 และ 2% ณ สิ้นปี 2023 โดยคาดว่า กนง. มีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อไม่ให้กระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อในระยะต่อไป แม้จะมีแนวโน้มผ่อนคลายลงบ้างตามปัจจัยด้านอุปทาน เช่น ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่จะลดลงตามอุปสงค์โลกที่ชะลอลง ช่วยให้เงินเฟ้อทยอยปรับลดลงอย่างช้า ๆ แต่จะยังสูงกว่ากรอบเป้าหมายเงินเฟ้อในปีหน้า เนื่องจากราคาพลังงานในประเทศและราคาอาหารที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงการส่งผ่านต้นทุนของผู้ผลิตไปยังราคาสินค้ากลุ่มอื่นที่จะมีมากขึ้น

โดย EIC มองว่า กนง. จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมเดือนพฤศจิกายน 2022 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ณ สิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 1.25% สำหรับในปี 2023 EIC คาดว่า กนง.จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องอีก 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25% และทรงตัวที่ระดับ 2% ณ สิ้นปีการทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไปจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ซึ่งคาดว่าจะกลับไปสู่ระดับก่อนเกิด COVID-19 ได้ในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2023 อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยจะยังอยู่ต่ำกว่าระดัศักยภาพไปอีก 1-2 ปี จากแผลเป็นทางเศรษฐกิจที่ลึกและหนี้ที่สูงขึ้น

อย่างไรก็ตามเชื่อว่า กนง. ไม่จำเป็นต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเหมือนประเทศในกลุ่มเศรษฐกิจพัฒนาแล้ว เนื่องจากวัฏจักรเศรษฐกิจไทยเพิ่งเริ่มฟื้นตัว แรงกดดันด้านอุปสงค์ต่อเงินเฟ้อยังไม่มากเท่ากลุ่มประเทศที่เศรษฐกิจฟื้นตัวก่อนหน้าแล้ว นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยยังมีรอยแผลเป็นจากสถานการณ์ COVID-19 ที่ลึกกว่ากระทบหนี้ครัวเรือนไทยและรายได้ของภาคธุรกิจกลุ่มเปราะบาง เช่น ภาคบริการ และภาคอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ที่ยังมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ช้า ด้วยเหตุนี้ แนวทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไปจะช่วยให้ครัวเรือนและธุรกิจกลุ่มเปราะบางสามารถปรับตัวได้ และลดความเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้ในระยะต่อไปที่มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ในช่วง COVID-19 (เช่น การผ่อนเกณฑ์การจัดชั้นหนี้เสีย) จะสิ้นสุดลง

นอกจากนี้ EIC มองว่า การขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในขนาดที่มาก แม้จะช่วยลดแรงกดดันต่อการอ่อนค่าของเงินบาทได้บ้างในระยะสั้น แต่จะไม่สามารถทำให้เงินบาทกลับมาแข็งค่าสวนทิศทางเงินดอลลาร์สหรัฐได้ ขณะที่เงินบาทที่อ่อนค่าลงมากยังไม่ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจและตลาดการเงินไทยอย่างมีนัย โดยเสถียรภาพตลาดการเงินไทยยังอยู่ในเกณฑ์ดี (อาทิ เงินทุนเคลื่อนย้ายไม่ได้ไหลออกมาก ดัชนีตลาดหุ้นไทยไม่ได้ปรับลดลงมาก) การส่งผ่านผลกระทบค่าเงินบาทอ่อนสู่เงินเฟ้อไทยก็ยังมีจำกัด ดังนั้น การขึ้นดอกเบี้ยแรงเพื่อช่วยลดแรงกดดันการอ่อนค่าของเงินบาทจะไม่คุ้มกับความเสี่ยงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ส่วนค่าเงินบาทเผชิญแรงกดดันด้านอ่อนค่าอย่างมากในเดือนนี้ โดย EIC คาดว่า ในระยะ 1-2 เดือนข้างหน้า เงินบาทจะยังผันผวนในกรอบ 37.5-38.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ