YOUNG@HEART SHOW : รู้ทันโรค “ไข้เลือดออก” อาจรุนแรงถึงชีวิต!
ไข้เลือดออกเกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี (Dengue Virus) มียุงเป็นพาหะนำโรค มักจะระบาดในช่วงหน้าฝน เนื่องจากมีน้ำขังให้ยุงวางไข่ได้เยอะค่ะ เมื่อก่อนเราอาจจะเคยได้ยินว่ายุงลายออกหากินตอนกลางวัน แต่ในปัจจุบันยุงลายหากินได้ตลอดเวลา ที่ไหนมียุงที่นั่นก็มีความเสี่ยง อาการของไข้เลือดออกจะเป็นอย่างไรมาดูกันค่ะ
ภาพจาก Pixabay
♦ อาการของโรคไข้เลือดออก ♦
1. มีไข้สูงมาก 39-40 องศา ต่อเนื่องหลายวัน ทำยังไงไข้ก็ไม่ลด
2. ปวดศีรษะมาก
3. ปวดเมื้อยตามร่างกายมาก จนลุกออกจากเตียงไม่ไหว
4. มีจุดผื่นแดงตามตัว
5. เจ็บบริเวณชายโครง เนื่องจากไข้เลือดออกทำให้ตับโต พอตับโตแล้วจะรู้สึกเจ็บค่ะ
6. เมื่อเป็นหนักจะมีอาการเกร็ดเลือดต่ำ และเลือดออกภายในอวัยวะ ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่าย บางรายรักษาไม่ทันก็จะเสียชีวิตในที่สุดค่ะ
ภาพจาก Unsplash
ไข้เลือดออกมีความแตกต่างจากไข้หวัดใหญ่ ตรงที่จะไม่มีอาการเป็นหวัดคัดจมูก ไม่มีน้ำมูก และไม่ไอ ไม่เจ็บคอใดๆทั้งสิ้น มีแต่ไข้สูงอย่างเดียวค่ะ
ภาพจาก Pixabay
♦ วิธีป้องกันไข้เลือดออก ♦
โรคไข้เลือดออกยังไม่มียาฆ่าเชื้อโดยเฉพาะ ได้แต่ให้ยารักษาบรรเทาอาการที่เป็นในขณะนั้น เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน ในปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกในเด็กอายุ 9-15 ปี แต่ก็ป้องกันได้เพียง 60% เท่านั้น ทางทีดีอย่าปล่อยให้ยุงกัดจะดีกว่าค่ะ
ภาพจาก Unsplash
♦ วิธีป้องกันยุงลาย ♦
1. กำจัดภาชนะที่มีน้ำขังรอบบ้าน ปิดฝาโอ่ง และถังน้ำต่างๆอย่าปล่อยให้ยุงมาวางไข่
2. ใส่เกลือหรือน้ำส้มสายชูในน้ำรองขาตู้ และภาชนะอื่นๆ ที่คว่ำน้ำทิ้งไม่ได้
3. ใช้ยากันยุง โลชั่นกันยุง เมื่ออยู่ในพื้นที่เสี่ยง
4. ถ้าที่บ้านมียุงเยอะก็กางมุ้งอย่าให้ยุงกัด โดยเฉพาะเด็กเล็กควรระวังให้มากค่ะ
ช่วงนี้โรคไข้เลือดออกกำลังระบาด ขอให้ทุกคนดูแลตัวเอง อย่าปล่อยให้ยุงกัน พกสเปรย์และโลชั่นกันยุงติดตัวไว้เลย ป้องกันไว้ดีกว่าแก้ค่ะ ส่วนใครที่เริ่มมีอาการไข้สูง ปวดหัว และปวดเมื้อยตามร่างกายต้องรีบไปหาหมอ เพื่อหาสาเหตุโดยด่วน ก่อนจะเป็นหนักนะคะ