สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯเปิดเผยว่า สหรัฐฯจะยังไม่ตัดบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยีของจีน ออกจากรายชื่อบริษัทที่ถูกห้ามซื้อชิ้นส่วนประกอบและเทคโนโลยีจากบริษัทสหรัฐ โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐฯ . แต่จะมีการออกใบอนุญาตเป็นรายกรณีตามที่ประธานาธิบดี ทรัมป์ ได้ตกลงเอาไว้ ซึ่งการออกใบอนุญาติในแต่ล่ะครั้งจะต้องไม่กระทบต่อความมั่นคงต่อเศรษฐกิจ และภาพรวมของประเทศ . ดังนั้นหัวเว่ยจะยังคงอยู่ในรายชื่อของบริษัทด้านการสื่อสารโทรคมนาคมที่ถูกสั่งห้ามไม่ให้บริษัทของสหรัฐขายอุปกรณ์ต่างๆ ให้ โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งเป็นการลงโทษสำหรับการกระทำที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐ และการประกาศดังกล่าวไม่ได้เปลี่ยนแปลงขอบเขตของรายการสินค้าต่างๆ ...

หัวเว่ยยังครองอันดับ 5 ของโลกในเรื่องการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) ด้วยมูลค่า 12,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แซงทั้งอินเทลที่มูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์ฯ และแอปเปิ้ลที่มูลค่า 9,700 ล้านดอลลาร์ฯ แม้จะเจอวิกฤติถูกแบนไม่ให้เข้าไปลงทุน 5G จากสหรัฐและอีกหลายประเทศ ที่สำคัญหัวเว่ยได้เซ็นสัญญาธุรกิจกับบริษัทโทรคมนาคมแล้วกว่า 30 แห่งทั่วโลก

หัวเว่ยโต้บลูมเบิร์ก ยืนยันไม่มีโครงการร่วมมือกองทัพจีน เพราะบริษัทเน้นทางด้านระบบสื่อสาร และโซลูชั่นด้านเทคโนโลยีการสื่อสารและสารสนเทศสำหรับพลเรือน

ซีอีโอหัวเว่ยยอมรับผลจากมาตรการคว่ำบาตรหัวเว่ยฯของสหรัฐอเมริกา ทำให้ยอดขายลดลงแล้ว 40 % พร้อมทำให้รายได้ลดลงกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้และปีหน้า

นายเกา เฟิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน เผยเตรียมออกมาตรการตอบโต้สหรัฐหากมีการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นอีก 3 แสนล้านดอลลาร์ฯ พร้อมเตรียมเผยแพร่รายชื่อบริษัทต่างชาติ, องค์กร และบุคคลที่เป็นภัยต่อบริษัทของจีนในเร็วๆนี้ โดยรายชื่อดังกล่าว จะแสดงให้เห็นถึงชื่อบริษัทและองค์กร ที่สกัดกั้นการจัดส่งสินค้าไปยังบริษัทจีน อันเนื่องจากเหตุผลที่ไม่เกี่ยวข้องกับเชิงพาณิชย์ และบ่อนทำลายสิทธิและผลประโยชน์โดยชอบตามกฎหมายของบริษัทจีน ซึ่งบริษัทใดที่ปฏิบัติตามกฎหมายจีน และทำตามสัญญา ก็ไม่จำเป็นต้องวิตก