-
รฟม.พัฒนาระบบตั๋วร่วมล่าช้า
รายงานจากระทรวงคมนาคมเผยหนึ่งในสาเหตุที่สำคัญ ที่ทำให้ตั๋วร่วมใช้งานได้ล่าช้าคือ รฟม.ไม่สามารถส่งมอบระบบซอฟต์แวร์ และเทคโนโลยีบัตรเครดิต ให้กับหน่วยงานต่างไปพัฒนาได้ ส่งผลให้ตั๋วร่วมแบบ EMV 4.0 ต้องเลื่อนออกไปให้บริการได้ในช่วงปลายปี 2563 หรืออย่างน้อย 12-18 เดือน -
ดร.สามารถแนะลดค่ารถไฟฟ้ากระตุ้นการใช้
ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแนะรัฐบาลเร่งมาตรการลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าในกรุงเทพ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้งาน ลดภาระค่าครองชีพของประชาชน หลังพบว่าค่าโดยสารรถไฟฟ้าของไทยแพงกว่าประเทศอื่น เช่นรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงบางใหญ่-เตาปูนให้ลดราคาเหลือ 15 บาทตลอดสายจากเดิม 14-42 บาท หรือจากบางใหญ่-หัวลำโพง ซึ่งต้องใช้ทั้งรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีน้ำเงิน ให้ลดราคาเหลือ 43 บาท จากเดิม 70 บาท -
รัฐบาลแก้ปัญหาน้ำมันปาล์มผิด
ประธานชมรมคนปลูกปาล์มน้ำมันเผยรัฐบาลกำลังแก้ไขปัญหาเรื่องราคาน้ำมันปาล์มอย่างไม่ถูกต้อง พร้อมยืนยันว่าการบังคับให้ขาย 34 บาทต่อขวด ชาวสวนก็ไม่ได้อะไร มีแต่ภาคเอกชนที่จะได้กำไรเพิ่ม นอกจากนี้ยังให้การสนับสนุนเอกชนจำหน่ายน้ำมันบี 20 ในราคาที่ต่ำกว่าบี 100 พร้อมจ่ายค่าชดเชยให้เอกชนอีกลิตรละ 5 บาท ด้วยงบประมาณกองทุนน้ำมันฯ เพื่อมาแข่งขันกับน้ำมันไบโอดีเซลบี 100 ที่เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันรณรงค์ให้ใช้เพื่อแก้ปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำในช่วงที่ผ่านมา -
ส.ว.ไทยมีอำนาจสูงที่สุดในโลก
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ อดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ย้ำการลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ เพราะการปฏิรูปของพรรคไม่เกิดขึ้นจริง และเห็นว่าการพัฒนาทางการเมืองก็ถดถอย คนในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่จะมีขึ้น หลายคนก็มาจากคนที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาต่อต้านทั้งสิ้น นอกจากนี้การแต่งตั้ง ส.ว. บางประเทศมีอำนาจน้อย อย่างมากก็แค่ยับยั้งกฎหมายที่ไม่เห็นด้วย 1 ปี แต่ ส.ว.ไทยมีอำนาจสูงที่สุดในโลก เพราะมีอำนาจโหวตเลือกนายกฯ แต่แต่งตั้งโดยกรรมการที่ผันตัวมาเป็นผู้เล่น และมาจากกรรมการที่ไม่มีความหลากหลาย -
รัฐบาลเห็นใจรถตู้เลิกกิจการ
รัฐบาลชี้แจงเรื่องความเดือดร้อนของผู้ประกอบการรถตู้ที่ต้องเลิกกิจการว่า เห็นใจความเดือดร้อนของผู้ประกอบการ แต่การจัดระเบียบรถตู้โดยสารของรัฐบาลและ คสช.ก็เพื่อให้บริการดีขึ้น และท่ามกลางการแข่งขันผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับตัวและพัฒนาธุรกิจของตนในรูปแบบต่างๆ เพื่อสร้างความประทับใจและความพึงพอใจให้กับลูกค้าอยู่เสมอ -
สหรัฐฯเผยอิหร่านอยู่เบื้องหลังโจมตีเรือบรรทุกน้ำมัน
นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ออกมาแถลงข่าวโจมตีอิหร่านว่า การโจมตีเรือบรรทุกน้้ำมันน้ำมัน Front Altair และ Kokuka Courageous ที่มีบริษัท Frontline บริษัทเดินเรือของนอร์เวย์ เป็นเจ้าของในครั้งนี้ เป็นผลงานของประเทศอิหร่านที่ต้องการให้สหรัฐฯยกเลิกคว่ำบาตรทางการค้า ซึ่งอิหร่าน ไม่มีสิทธิที่จะทำร้ายผู้บริสุทธิ สร้างความปั่นป่วนต่อตลาดน้ำมัน ซึ่งอิหร่านกำลังทำลายอิสรภาพการเดินเรือในภูมิภาคนี้ -
“แค่ขอความร่วมมือ”อย่าจำหน่ายราคาน้ำมันปาล์มต่ำกว่าทุน
นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายในเผย แค่ขอความร่วมมือให้ห้างสรรพสินค้ากำหนดราคาจำหน่ายน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ให้สอดคล้องกับต้นทุน และให้คำนึงถึงผลกระทบต่อราคาผลปาล์มที่เกษตรกรขายได้เท่านั้น เมื่อราคาผลปาล์มปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 3.20 – 3.40 บาท/กก แล้ว. และราคาปาล์มน้ำมันดิบอยู่ที่ 19.50 ถึง 20.00 บาท/กก. หากคิดเป็นต้นทุนการผลิตน้ำมันปาล์มบรรจุขวดก็จะอยู่ที่ประมาณ 32-35 บาท -
แจ้งเบาะแสขายสลากเกินราคาได้ 1,000 บาท
ราชกิจจานุเบกษาออกประกาศระเบียบเงินรางวัลนำจับผู้ขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา 80 บาท ผู้แจ้งความนำจับจะได้รับคดีละ 1,000 บาท ส่วนเจ้าหน้าที่จับกุมได้รับคดีละเท่ากับจำนวนเงินที่เปรียบเทียบปรับ แต่ไม่เกินคดีละ 2,000 บาท โดยสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จะพิจารณาจ่ายเงินรางวัลให้แก่ผู้แจ้งความนำจับและเจ้าหน้าที่ ผู้จับกุมผู้ขายสลากเกินราคาเมื่อคดีถึงที่สิ้นสุดแล้ว -
ขึ้นเครื่องไม่ทันขอคืนภาษีสนามบินได้
กพท.ออกประกาศแจ้งสิทธิ์ผู้โดยสารสายการบินสามารถขอคืนภาษีสนามบินได้หากซื้อตั๋วแล้วไม่ได้เดินทาง แค่ยื่นหลักฐานการสำรองที่นั่ง ทั้งนี้สำหรับอัตราภาษีสนามบินนั้นผู้โดยสารเดินทางด้วยเที่ยวบินขาออกไปต่างประเทศ สนามบินของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย หรือ ทอท. จำนวน 6 แห่ง มีการจัดเก็บคนละ 700 บาท // ส่วนสนามบินของกรมท่าอากาศยาน(ทย.) จำนวน 28แห่ง จัดเก็บคนละ 400 ... -
สงครามการค้ากระทบส่งออกรถยนต์เดือนพ.ค.
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)เผยสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของประเทศคู่ค้า ทำให้ยอดส่งออกรถยนต์ของไทยเดือนพ.ค.ลดลง 3.58% อยู่ที่ประมาณ 95,300 คัน จากการลดลงเกือบทุกตลาด ยกเว้นตลาดเอเชีย ตลาดตะวันออกกลาง ตลาดยุโรป และตลาดอเมริกาเหนือ มูลค่าส่งออกลดลง 6.22% อยู่ที่ประมาณ 48,600 ล้านบาท