ถึงคิว!!ภาษีความเค็มมาแล้วจ้า

1016
0
Share:

นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมอยู่ระหว่างการเร่งศึกษาร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ในการขยายฐานการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตสำหรับสินค้าความเค็ม เพื่อส่งเสริมสุขภาพของประชาชนในการบริโภคสินค้าที่ดีต่อสุขภาพ โดยจะมีการเก็บภาษีตามสัดส่วนของความเค็ม หรือปริมาณโซเดียม หากเค็มมากก็จะเสียภาษีในอัตราสูง ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปเพื่อเสนอให้นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง พิจารณาได้ภายในสิ้นปีนี้
.
ภาษีความเค็ม แม้จะเป็นภาษีตัวใหม่ ที่กรมกำลังคิดจะจัดเก็บ แต่ในหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศพัฒนาแล้ว ก็มีการจัดเก็บ
.
หากเห็นว่ามีความจำเป็นต้องเก็บภาษีความเค็ม กรมฯก็จะไม่ได้จัดเก็บในอัตราเดียวในทันที แต่จะเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการปรับตัว เพื่อลดปริมาณความเค็มในสินค้า หรือปรับสูตรผลิตสินค้าเพื่อสุขภาพก่อน โดยจะให้เวลาผู้ประกอบการปรับตัวประมาณ 1-2 ปี แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ระบุอัตราการจัดเก็บที่ชัดเจน
.
สำหรับสินค้าที่จะเข้าข่ายต้องเสียภาษีความเค็ม เบื้องต้น จะคำนวนจากปริมาณโซเดียมต่อความต้องการบริโภค และจะจัดเก็บจากกลุ่มสินค้าอาหารปรุงสำเร็จ เช่น อาหารแช่แข็ง อาหารกระป๋อง และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เป็นต้น แต่จะยังไม่มีการจัดเก็บภาษีความเค็มในสินค้าปรุงรส เช่น น้ำปลา เกลือ รวมถึงขนมขบเคี้ยวสำหรับเด็ก เนื่องจากมองว่าขนมเป็นอาหารที่ไม่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน ที่ประชาชนสามารถตัดสินใจเลือกซื้อได้เอง
.
นอกจากนี้ในการประชุมองค์การอนามัยโลก หรือ WHO รวมถึงกลุ่มสหประชาชาติ หรือ UN ได้พยายามผลักดันให้หลายประเทศมีการออกนโยบายภาษีเพื่อลดการบริโภคอาหารที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ เพราะเป็นต้นเหตุของการเกิดโรคร้ายแรงต่างๆ อาทิ โรคไต โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคความดันโลหิต
.
ส่วนการจัดเก็บภาษีเครื่องดื่มเบียร์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์ หรือเบียร์ 0% ขณะนี้ก็ยังอยู่ระหว่างการหารือกับกระทรวงสาธารณสุขเช่นกัน ซึ่งมีความเห็นแบ่งเป็น 2 ส่วน คือการมีเบียร์ 0% เป็นทางเลือกให้ผู้ทื่ดื่มเบียร์อยู่แล้วหันมาดื่มเบียร์ 0% ได้ ที่จะช่วยลดการดื่มแอลกอฮอล์ได้ กับอีกทางที่มองว่าเป็นโทษ เพราะจะเป็นการชักจูงให้ผู้ดื่มหน้าใหม่มีเพิ่มมากขึ้น จากการดื่มเบียร์ 0% มาเป็นดื่มเบียร์ทื่มีแอลกอฮอล์ขึ้นได้
.
อย่างไรก็ตามการเก็บภาษีเบียร์ 0% ยังกระทบกับหลักการการจัดเก็บภาษีของกรมด้วย เพราะที่ผ่านมา กรมจัดเก็บภาษีจากฐานของปริมาณแอลกอฮอล์ที่ผสมในเครื่องดื่ม แต่หากจะต้องเก็บเบียร์ 0% จริง ก็จะต้องปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์การจัดเก็บส่วนนี้ด้วย ซึ่งจะได้ข้อสรุปในปีนี้เช่นกัน