YOUNG@HEART SHOW : แพ้ยาทำอย่างไรดี?
แพ้ยาอาจเกิดขึ้นได้แบบไม่ทันตั้งตัว ไม่จำเป็นต้องเคยแพ้มาก่อนก็สามารถแพ้ได้ ถ้าอาการรุนแรงอาจถึงขั้นทางเดินหายใจตีบตัน หายใจไม่ออกจนเสียชีวิตก็มีค่ะ ฉะนั้นต้องรู้จักกับวิธีรับมือ แล้วจะรับมือกับอาการแพ้ยาได้ยังไงมาดูกัน
แพ้ยา แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. แพ้ยาเฉียบพลัน จะแสดงอาการทันที หรือไม่เกิน 1 ชม. หลังจากใช้ยา มีอาการผื่นคันที่ผิวหนัง บวมบริเวณใบหน้า ถ้าแพ้รุนแรงก็อาจจะมีอาการหลอดลมตีบ หายใจไม่ออก หน้ามืด เวียนศีรษะ ช็อคหมดสติได้ และอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้
2. แพ้ยาแบบล่าช้า จะแสดงอาการหลังทานยาไปแล้วหลายวัน หรืออาจนานเป็นเดือนก็ได้ มีอาการผื่นขึ้น เป็นตุ่มน้ำใสที่ผิวหนัง หรือเป็นแผลพุพอง เป็นต้น โดยเฉพาะบริเวณเยื่อบุอ่อนๆ อย่าง เปลือกตา ริมฝีปาก และอวัยวะเพศ ซึ่งอาจรุนแรงถึงชีวิตได้
แตกต่างจากการแพ้อาหารยังไง?
การแพ้อาหารจะมีอาการเบื้องต้นคล้ายๆ กันการแพ้ยาแบบเฉียบพลัน แต่การแพ้ยาแบบล่าช้าจะค่อยๆ แสดงอาการทีละนิดๆ และรุนแรงมากกว่าการแพ้อาหาร อาจถึงแก่ชีวิตได้ค่ะ
วิธีการรักษาอาการแพ้ยาเบื้องต้น
1. หยุดทานยาทันที
2. ทานยาแก้แพ้ได้ในอาการที่ไม่รุนแรง (ถ้าแพ้มากแนะนำให้พบแพทย์ทันที)
3. ถ้ามีผื่นขึ้น ควรถ่ายรูปผื่นไว้ให้แพทย์ดูด้วย (เผื่อผื่นหายก่อนที่หมอจะเห็นค่ะ)
4. รีบพบแพทย์โดยเร็วที่สุด และควรนำยาที่คิดว่าแพ้ไปหาหมอด้วยนะคะ
ยาทุกตัวสามารถทำให้แพ้ได้ทั้งหมด ทั้งยากิน ยาทา ยาสลบ สมุนไพร อาหารเสริม ถ้าสงสัยว่าจะแพ้ตัวไหนก็ควรนำมาให้แพทย์ดูให้หมดค่ะ
การรักษาอาการแพ้ยา
แพทย์จะรักษาตามอาการ ถ้าแพ้ไม่มากก็จะให้ยาแก้แพ้ ถ้าอาการหนักก็จะให้ยาปฏิชีวนะ หรือยากระตุ้นการเต้นของหัวใจ เป็นต้น
วิธีดูแลตัวเองสำหรับคนแพ้ยา
1. ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจสอบให้แน่ชัดว่าแพ้ยาตัวไหน
2. หลีกเลี่ยงยาที่แพ้ และยาที่มีโครงสร้างคล้ายยาที่แพ้
3. จำชื่อยาที่แพ้ให้ได้ หรือพกบัตรแพ้ยาติดตัว เพื่อง่ายต่อการจำและง่ายต่อการจ่ายยาของเภสัชกรค่ะ
ใครที่มีอาการแพ้ยาทางที่ดีควรรีบพบแพทย์ แล้วอย่าลืมนำยาที่แพ้ไปหาหมอด้วยนะคะ จะได้รับการรักษาที่ถูกต้อง และรับคำแนะนำการใช้ยาในครั้งต่อไป อาจมียาบางตัวที่คล้ายๆ กับตัวที่เราแพ้อีกก็เป็นได้ และควรจำให้ดีว่าแพ้ยาตัวไหนด้วยนะคะ ครั้งต่อไปจะได้ไม่พลาดอีกค่ะ
ดูคลิปรายการย้อนหลังตอน แพ้ยารับมืออย่างไร ได้ที่นี่เลยค่ะ
