ททท.บุกโตเกียวดึงชาวญี่ปุ่นมาเที่ยวไทย ตั้งเป้ากว่า 3 แสนคนในสิ้นปีนี้

279
0
Share:
ททท. บุก โตเกียว ดึงชาวญี่ปุ่นมาเที่ยวไทย ตั้งเป้ากว่า 3 แสนคนในสิ้นปีนี้

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยว แห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.มองว่าตีเหล็กต้องตีตอนร้อน และตอนนี้เป็นจังหวะที่ดีที่รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมเปิดประเทศ ทำให้ความร่วมมือของ ททท.กับ 7 ผู้ประกอบการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น จะเกิดผลให้มีนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเข้าไทยในไตรมาส 4 (ต.ค.-ธ.ค.) เป็นต้นไป โดยตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นตลอดปีนี้ 350,000 คน สร้างรายได้ 75,000 ล้านบาท โดยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-20 ก.ย.65 มีนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นมาไทยแล้ว 166,709 คน

ใน 3 เดือนที่เหลือของปีนี้ ต้องทำให้ได้ไม่ต่ำกว่า 180,000 คน พร้อมกับตั้งเป้าปี 66 ต้องผลักดันนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นกลับมาเที่ยวไทยให้ได้ 1.25 ล้านคน คิดเป็น 70% ของที่เคยเดินทางมาในปี 62 ก่อนโควิด-19 ที่จำนวน 1.78 ล้านคน สร้าง รายได้ 93,759 ล้านบาท โดยระหว่างนี้ผู้ประกอบการ ท่องเที่ยวของญี่ปุ่นทั้ง 7 รายจะไปออกแบบแพ็กเกจท่องเที่ยวรวม 10,000 แพ็กเกจตามโจทย์ที่ ททท. ให้ไป เพื่อแก้ไขจุดอ่อนต่างๆของตลาดนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น เช่น สร้างให้เกิดนักท่องเที่ยวหน้าใหม่มากขึ้น ให้เกิดการเดินทางของผู้หญิงมากขึ้น และให้มีวันพำนัก ในไทยเพิ่มขึ้น เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายมากกว่าเดิม ซึ่งแพ็กเกจเหล่านี้ ททท.จะเข้าไปร่วมสนับสนุนให้ส่วนลดและเพิ่มกิจกรรมให้มากกว่าเดิม ภายใต้วงเงินที่นักท่องเที่ยวซื้อแพ็กเกจในราคาเดิม

นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. กล่าวว่า จากการสำรวจจำนวนเที่ยวบินและที่นั่งที่เพิ่มขึ้นช่วงปลายปีนี้ ทำให้มั่นใจว่าจะผลักดันนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นมาไทยได้ตามเป้า โดยโครงการที่ร่วมกับ 7 บริษัทนำเที่ยวของญี่ปุ่นใช้ชื่อว่า “อิมะโคโซะ ไทยเอะ” แปลว่า “ถึงเวลาเที่ยวประเทศไทย” เชื่อว่าจะกระตุ้นชาวญี่ปุ่นได้แน่นอน แม้ค่าเงินเยนจะอ่อนค่าเมื่อเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แต่คุ้มค่าในการเดินทางเที่ยวประเทศไทย

ทั้งนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือททท. นำคณะผู้ประกอบการท่องเที่ยวจากไทย 10 ราย เข้าร่วมงาน Tourism EXPO Japan 2022 (TEJ) ระหว่างวันที่ 22-25 ก.ย.65 ณ ศูนย์นิทรรศการ Tokyo Big Sight กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น งานดังกล่าวนับเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งปีนี้นับเป็นปีที่ 34 และเป็นการกลับมาจัดงานในรอบ 2 ปี หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคระบาดโควิด-19