‘หวาน มัน เค็ม’ ทำไมจึงเป็นผู้ร้ายต่อสุขภาพ

Share:

          “ลดหวาน มัน เค็ม” คือคำแนะนำของหมอทุกครั้งหลังจากตรวจสุขภาพประจำปี หรือถ้าสายสุขภาพที่อยากจะลดความอ้วน เทรนเนอร์ก็จะเน้นย้ำให้เลี่ยงอาหารที่มีรสชาติเหล่านี้ลงให้มากที่สุด คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมหวาน มัน และเค็ม จึงเป็นผู้ร้ายต่อสุขภาพของเราได้ ทั้งที่น้ำตาลเป็นอาหารสมอง และโซเดียมในร่างกายที่ต่ำเกินไปก็อันตรายต่อร่างกาย เรามาหาคำตอบกันค่ะ

ที่มา : pixabay.com

          มาเริ่มจากการบริโภคของรสเค็ม หรือโซเดียม ในแต่ละวันเราไม่ควรบริโภคเกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน หรือ 1 ช้อนชา หากบริโภคเกินความต้องการของร่างกายอาจจะมีความเสี่ยง เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคอัมพฤกษ์ โรคไต จึงควรระมัดระวังอาหารที่โซเดียมสูง เช่น เครื่องปรุงรสต่างๆ อาหารหมักดอง อาหารแปรรูป และขนมขบเคี้ยว

ที่มา : pixabay.com

          เพราะชีวิตขาดหวานไม่ได้ เมื่อน้ำตาลให้พลังงานแก่ร่างกาย ทำให้สดชื่น มีกำลัง แต่บริโภคน้ำตาลมากเกินไป ก็เสี่ยงต่อการเกิดเบาหวาน โรคอ้วน โรคมะเร็ง และสมองเสื่อมได้ ในแต่ละวันร่างกายของคนวัยทำงานต้องการน้ำตาลเพียง 24 กรัม หรือ 6 ช้อนชา ส่วนเด็กและผู้สูงวัยอายุ 60 ปีขึ้น ต้องการน้ำตาล 16 กรัม 4 ช้อนชา ดังนั้นก่อนบริโภคควรอ่านฉลากโภชนาการก่อนทุกครั้ง อาหารที่มักจะมีน้ำตาลในปริมาณมาก เช่น น้ำอัดลม เครื่องดื่ม น้ำผลไม้ ชานมุก เบเกอรี ผลไม้ที่มีรสหวาน และขนมไทย เป็นต้น จึงควรบริโภคอาหารเหล่านี้แต่น้อย และไม่บ่อย

ที่มา : pixabay.com

          ไขมัน เป็นหนึ่งในสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายที่ขาดไม่ได้ ไขมันแบ่งออกเป็น ไขมันดี High Density Lipoprotein (HDL) มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยลดการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด จะพบใน ปลาที่มีกรดไขมันสูง ธัญพืช เมล็ดเจีย ถั่วเปลือกแข็ง เต้าหู้ ถั่วเหลือง อะโวคาโด เป็นต้น อีกประเภทคือ ไขมันไม่ดี Low Density Lipoprotein (LDL) มีกรดไขมันอิ่มตัวสูง เป็นสาเหตุของการเกิดโรคและไขมันสะสมในร่างกาย ไขมันนี้จะอยู่ในอาหารประเภทเนื้อสัตว์ที่ติดมัน และไขมันจากพืชบางชนิด แต่อย่างไรก็ตามเราควรจะปริโภคไขมันทุกชนิดให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม คือร้อยละ 20 ของพลังงานที่ควรได้รับต่อวัน หรือปริมาณน้ำมันไม่เกิน 4 ช้อนโต๊ะ

ที่มา : pixabay.com

          ปัญหาสุขภาพทั้งหลายที่เกิดขึ้นล้วนมาจากการรับประทาน หวาน มัน เค็ม ที่มากเกินไปนั่นเองค่ะ แต่สำหรับคนที่รับประทานอาหารที่เหมาะสมก็ไม่ต้องกังวลใจไปนะคะ นอกจากรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่แล้ว ควรจะออกกำลังกาย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ พักผ่อนให้เพียงพอและตรวจสุขภาพประจำปีทำเช่นนี้สุขภาพของเราจะไม่พบกับผู้ร้ายอย่างแน่นอนค่ะ

ที่มา :

https://www.gj.mahidol.ac.th/main/knowledge-2/sweet/
https://www.sanook.com/health/1221/
https://www.rama.mahidol.ac.th/ramachannel/article/%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99-%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3-%E0%B8%88%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B5/
https://www.pathlab.co.th/how-to-eat-fat/

Young@Heart Show