YOUNG@HEART SHOW : รู้ทันโรค “กรดไหลย้อน” โรคที่อาจพัฒนาเป็นมะเร็งได้

          “กรดไหลย้อน” โรคที่ปัจจุบันมีคนเป็นกันเยอะมาก ส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ผิดๆ ทำให้มีอาการกรดไหลย้อนขึ้นมา ถ้าปล่อยไว้อาจจะเป็นเรื้อรัง ถึงขั้นมะเร็งในหลอดอาหารได้ จะมีวิธีป้องกันและรักษาโรคนี้อย่างไรไปดูกันเลยค่ะ

กรดไหลย้อนคืออะไร?

          กรดไหลย้อน คือน้ำย่อยหรือกรดในกระเพาะอาหาร ที่ไหลทวนขึ้นมายังหลอดอาหาร ทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอก เรอเปรี้ยว ซึ่งเป็นอาการจำเพาะของโรค ถ้าเป็นก็จะออกอาการเหล่านี้ทันที และสามารถมีอาการอื่นร่วมด้วยได้ เช่น ไอเรื้อรัง เสียงแหบ หอบหืด เมื่อกรดไหลย้อนขึ้นมาเยอะๆ อาจมีอาการข้างเคือง เช่น แผลในหลอดอาหาร หลอดอาหารตืบตัน และอาจพัฒนาเป็นมะเร็งหลอดอาหารได้

ปัจจัยเสี่ยงโรคกรดไหลย้อน

1. เกิดจากหลอดอาหารที่บีบตัวได้ไม่ดี หรือบีบตัวช้า ทำให้การขับกรดที่ไหลขึ้นมาผิดปกติ

2. เกิดจากน้ำลายน้อย จากการเป็นโรคบางอย่าง หรือการสูบบุหรี่จัด ซึ่งน้ำลายจะช่วยไล่กรดไหลย้อนให้ลงไปได้

3. เกิดจากกระเพาะอาหารบีบตัวช้ากว่าปกติ ทำให้ในกระเพาะมีอาหารค้างนานขึ้น และไหลทวนขึ้นมา มักเกิดกับผู้ป่วยโรคกระเพาะค่ะ

วิธีการดูแลตัวเองเมื่อเกิดอาการ

1. ไม่ควรรับประทานอาหารแล้วนอนทันที ควรนั่งพักให้กระเพาะย่อยอาหารก่อน

2. รับประทานยาเคลือบกันกรดไหลย้อน และยาลดกรด

3. เลี่ยงการดื่มน้ำผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว งดชา-กาแฟ ดื่มน้ำเปล่าดีที่สุดค่ะ

วิธีการรักษาให้หายขาด

1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ไม่ควรทานเสร็จแล้วนอนเลย

2. ลดพุง ควบคุมน้ำหนัก เพราะความอ้วนทำให้แรงดันในท้องสูง จนเกิดกรดไหลย้อนได้

3. ไม่ควรทานอาหารก่อนออกกำลังกาย ควรปล่อยให้อาหารย่อยก่อนสัก 3-4 ชม.

4. เลี่ยงอาหารรสเผ็ด รสเปรี้ยว

5. งดชา-กาแฟ

6. เลี่ยงของทอด ของมัน

7. งดสูบบุหรี่

8. รับประทานแค่พออิ่ม ไม่ทานจนแน่นท้อง

9. เลี่ยงการทานหัวหอมและมะเขือเทศ เพราะมีฤทธิ์เป็นกรด

10. ไม่ใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นเกินไป อาจทำให้กรดไหลย้อนขึ้นมาได้

          โรคกรดไหลย้อนหลายคนคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา ใครๆ ก็เป็นกัน เป็นความคิดที่ผิดค่ะ ไม่ป่วยไข้เลยดีที่สุด ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่ก็มาจากพฤติกรรมของผู้ป่วยเอง ดังนั้นควรทานอาหารให้ถูกต้อง ไม่กินแล้วนอน ไม่ออกแรงหลังทานอาหารอิ่ม และเลือกทานนิดนึงเพื่อสุขภาพนะคะ

ดูเทปรายการย้อนหลังตอน โรคกรดไหลย้อน ได้ที่นี่เลยค่ะ