สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ประเมินผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งรัสเซียและยูเครน คาดว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยผ่าน 2 ช่องทางหลัก ได้แก่เงินเฟ้อ โดยกรณีที่ราคาน้ำมันดิบดูไบเพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 100 เหรียญต่อบาร์เรล คาดว่าจะทำให้อัตราเงินเฟ้อของไทยในปี 65 จะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 5% และภาคการท่องเที่ยว เนื่องจากแนวโน้มการลดลงของนักท่องเที่ยวรัสเซียและยุโรป ซึ่งถือเป็นกลุ่มหลักที่เดินทางเข้ามาไทย ซึ่งได้คาดว่าผลกระทบทั้งจากการเพิ่มขึ้นของราคาพลังงานและผลกระทบต่อการท่องเที่ยวจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในปี 65 ...

วันนี้ 28 กุมภาพันธ์ 2565 น.ส.จินางค์กูร โรจนนันต์ รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยภาวะสังคมไทยไตรมาสที่ 4 ปี 2564 ในส่วนของหนี้สินภาคครัวเรือน พบว่าหนี้สินครัวเรือนในไตรมาส 3 ปี 2564 มีมูลค่า 14.35 ล้านล้านบาท  ...

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ฯ เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้ทำเรื่องขอใช้เงินกู้จากพ.ร.ก. 5 แสนล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลโควิด-19 ให้กับประชาชน แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ เป็นค่ารักษาที่จ่ายไปแล้วในช่วง พ.ย.2564-ม.ค.2565 ...

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) กล่าวในงานสัมมนา “Future of Growth Forum: Thailand Vision 2030” ว่าโครงสร้างเศรษฐกิจไทยในช่วง 10 ปีข้างหน้าจะต้องเผชิญกับข้อจำกัดต่างๆ และผลกระทบจากโควิด-19 ส่งผลต่อภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการที่ยังไม่มีมูลค่าเพิ่ม ภาคการเกษตรยังไม่ขยายตัวมากขึ้น ยังอยู่ในรูปแบบการผลิตแบบเดิม ไม่มีการใช้งานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่า ...

เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ เมื่อสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดข้อมูลผู้มีรายได้น้อยในปี 2563 ว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 5 แสนคนจากปี 2562 ซึ่งถือว่าน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเทียบกับสภาพเศรษฐกิจที่หดตัวมากถึง 6.1% เหตุเพราะได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยาจากรัฐบาลจากมาตรการต่างๆ ข้อมูลชุดนี้ได้สร้างความประหลาดใจให้คนไทยไม่น้อย ทั้งที่ก่อนหน้าเพิ่งมีการนำเสนอข้อมูลว่าคนไทยว่างงานเฉียดล้านคน สรุปแล้วความจริงคนไทยมั่งมีหรือยากจนกันแน่? กลายเป็นประเด็นเคลือบแคลงใจหลายคนถึงข้อมูลความย้อนแย้งของสถานะทางสังคมของประชาชนคนไทย สำหรับการรายงานจำนวนผู้มีรายได้น้อยต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากมีจำนวนประชาชนที่มีรายได้สูงกว่ามาตรฐานที่ตั้งไว้ โดยประเทศไทยได้มีการจัดทำเส้นความยากจน เพื่อเป็นตัวแบ่งระดับรายได้ ...

นับเป็นเรื่องสุดเศร้าส่งท้ายปีเลยก็ว่าได้ หลังสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. เปิดเผยตัวเลขคนไทยว่างงานระนาวกว่า 8.7 แสนคน สูงสุดนับตั้งแต่มีการระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่น่ากังวลคือเด็กจบใหม่มีอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นถึง 10% เมื่อเทียบจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน อีกทั้งส่วนใหญ่ที่จบในสาขาบริหารธุรกิจและการตลาดมีแนวโน้มว่างงานยาวนาน เนื่องจากคนกลุ่มนี้ที่มีทักษะที่ไม่ต่างกัน จึงทำให้หางานได้ยากขึ้น ใช่ว่าปัญหานี้จะเกิดขึ้นแค่ในประเทศไทยเท่านั้น ทางองค์การแรงงานระหว่างประเทศ หรือ ILO ก็ได้มีการคาดการณ์ว่าในปี 2565 ...

“คุยกับบัญชา” สภาพัฒน์เปิดตัวเลขเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 ยังน่าห่วง เพราะติดลบหนักถึง 0.3% คาดเปิดประเทศอาจดันให้ภาพรวมปี 64 โตได้ 1.2%

คุยกับบัญชา Live: เศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 สะดุดติดลบ 0.3% รับสภาพปิดเมือง-โควิดล็อก

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ฯ เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 ปี 2564 ขยายตัวติดลบ 0.3% เทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้าที่ขยายตัวได้ 7.6% เป็นผลจากการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง และกระจายเป็นวงกว้างของโควิด-19 สำหรับปี 2564 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายได้ ...

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่าหลังจากที่มีการผ่อนคลายมาตรการคุมโควิด-19 และเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.นี้ จะทำให้เศรษฐกิจผ่อนคลายมากขึ้น ประกอบกับมาตรการกระตุ้นการซื้อที่ภาครัฐได้ออกมาโครงการต่างๆ จะจำเป็นในการช่วยเพิ่มกำลังซื้อในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ ในส่วนของการกระตุ้นต้องดูว่าจะมีมาตรการอะไรเพิ่มเติม แต่ก็ต้องดูสถานการณ์เพราะหลังจากเปิดประเทศก็ต้องมีการดูการแพร่ระบาดว่าจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นหรือไม่ หากมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยในปัจจุบัน ก็มีการเตรียมความพร้อมเรื่องของสาธารณสุข จำนวนเตียงที่เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับผู้ป่วยได้เตรียมความพร้อมไว้แล้วในช่วงนี้ ซึ่งการเปิดประเทศครั้งนี้จะได้ประโยชน์ และส่งผลต่อเนื่องต่อเศรษฐกิจไปถึงปีหน้าก็คือเรื่องของการลงทุน เพราะเมื่อเปิดประเทศแล้วนักลงทุนสามารถที่จะเข้ามาดูสถานที่ลงทุนได้มากขึ้น โดยในส่วนของการลงทุนใหม่ต้องทำควบคู่ไปกับการเร่งรัดให้การลงทุนที่ได้ขอการส่งเสริมการลงทุนไปก่อนหน้านี้มีการลงทุนจริงเพื่อให้เม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนได้มากขึ้น